วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การหารายได้ทางอินเตอร์เนต ที่จะนำมาฝากกัน


พอดีผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือของ คุณ อุเทน พรหมแดง เรื่อง ชี้ช่องรวยด้วยคอมพิวเตอร์
จึงนำความรู้คร่าวจากหนังสือเล่มนี้มาฝากกัน
ผู้เขียน เขียนหนังสือเล่มนี้ด้วยภาษาเขียนกึ่งทางการ บอกเล่าถึงประสบการณ์การทำงานโดยการหาเงินด้วยคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเตอร์เนต ซึ่งหัวข้อทั้งหมด และรายละเอียดคร่าวๆในแต่ละหัวข้อมีดังนี้ คือ
                1. Computer  book  ผู้เขียนแนะนำการเขียนในลักษณะทั่วไปไม่ลงถึงรายละเอียดมาก โดยเฉพาะ สิ่งที่น่าสนใจคือ
- ***การตรวจสอบเทรนการของเรื่องของคอมพิวเตอร์ที่บุคคลส่วนใหญ่สนใจ โดยมีการตรวจสอบผ่าน เว็บเสิร์ชเอนจิ้นอันดับหนึ่งอย่าง google.com โดยการผ่าน google trend โดยสามารถช่วยตรวจสอบว่า ระหว่างคีย์เวิร์ด 2 คีย์เวิร์ด คีย์เวิร์ดไหนที่ได้รับความนิยมมากกว่ากัน
                - การตรวจสอบแนวความคิดของเรื่องที่เราจะเขียน
          - ค่าตอบแทนจากสำนำพิมพ์โดยทั่วไปคิดค่าตอบแทน 2 รูปแบบหลัก ดังนี้
* คิดเป็นเปอร์เซ็นตามยอดขายจริง คือ จ่ายเป็นเปอร์เซ็นจากยอดขายจากปก คูณด้วยจำนวนหนังสือที่ขายจริง ตามมาตรฐานแล้วจะจ่าย 10 เปอร์เซ็นต์จากปก
* คิดเป็นราคาเหมาจ่าย คือจ่ายเป็นเงินก้อนแบบครั้งเดียวจบโดยไม่คำนึงว่าหนังสือจะขายได้มากน้อยแค่ไหน
                - หลักการพิจารณาสำนักพิมพ์ที่จะพิมพ์ให้เรา มีทั้งสำนักพิมพ์ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กบางสำนักพิมพ์มีภาพลักษณ์ที่ดี พิมพ์หนังสือออกมามากแต่ก็เสียค่าลิขสิทธิ์ให้เราได้น้อย ขณะที่บางสำนักพิมพ์จ่ายค่าตอบแทนเป็นที่น่าพอใจแต่ว่า อาจจะทำหนังสือช้า แล้วงานอาร์ตเวิร์กก็ไม่ค่อยสวยน่าพอใจเท่าไหร่
สำนักพิมพ์ที่มีอยู่ อาทิ เช่น สำนักพิมพ์ infopress, สำนักพิมพ์ success media, สำนักพิมพ์ provision, สำนักพิมพ์ se-ed, สำนักพิมพ์ witty Group, สำนักพิมพ์ SIT และสำนักพิมพ์ eXP MEDIA
-         ถ้าเราไม่สามารถเสนอผลงานของเรากับสำนักพิมพ์ได้ เราสามารถทำเงินผ่าน E-book ได้โดย ทำเงินผ่านอินเตอร์เนตนั่นเอง การขาย E-book เราต้องตั้งราคาขาย ต่ำกว่าตลาดพอสมควรเพราะว่า

          2. E-commerce เป็นการซื้อขายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือการซื้อขายผ่านอินเตอร์เนต อย่างเช่นผ่าน amazon หรือ ebay เป็นตัวอย่างหนึ่งของเวปไซต์ E-commerce ส่วนเวปไซต์ E-commerce ในบ้านเราก็เช่น TARAD.com จุดแข็งของเวปไซต์ E-commerce คือ ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องเช่าพื้นที่ของใคร ภาพสินค้าในร้านจึงเป็นภาพถ่าย มีออเดอร์เข้ามาแล้วค่อยส่งสินค้าไปให้กับลูกค้า
*** สิ่งที่น่าสนใจคือ ธุรกิจ E-commerce นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นร้านค้าออนไลน์เท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นตลาดกลางขายสินค้าได้ด้วย เป็นเหมือนผู้ขายรายย่อยและลูกค้ามาเจอกัน โดยมีการแยกหมวดหมู่สินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้เข้าไปเลือกสินค้าได้อย่างสะดวก
สิ่งสำคัญคือต้องจดโดเมนเนม และเช่าโฮสติ้งหรือเซิฟเวอร์
ทำเวปไซต์ร้านค้าออนไลน์ด้วย CMS (content management system)
CMS คือ ระบบบริหารจัดการเวปไซต์สำเร็จรูป ซึ่งช่วยให้เราสร้างและบริหารจัดการเวปไซต์ได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องมีความรู้เรื่องการทำเวปไซต์แต่อย่างใด
ตัวอย่าง CMS ที่จะแนะนำ คือ Joomla E-commerce Edition
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ
การทำธุรกรรมทางอินเตอร์เนต ต้องทำผ่านบัตรเครดิตหรือ อาจจะทำ Virtual Credit Card หรือ virtual card คือบัตรเครดิตเสมือน ซึ่งธนาคารจะออกให้เฉพาะแค่ตัวเลขบัตร 16 บัตร หมายเลข CVV และเดือน/ปีที่หมดอายุของบัตรเท่านั้น เราจะใช้ virtual Credit Card ได้เฉพาะในโลกของอินเตอร์เนตเท่านั้น ถ้าเราซื้อสินค้าไปแล้วเงินในบัญชีจะถูกหักภายใน 3 วัน
Vitual Credit Card ที่นิยมมากที่สุดก็คงจะเป็น K-Web Shopping Card  ของธนาคารกสิกรไทย เราแค่เปิดบัญชีธนาคารแล้วสมัครใช้ K-Cyber Banking
เมื่อมี virtual Credit card แล้ว ต่อไปต้องมีบัญชี Paypal หรือ ธนาคารออนไลน์ หรือ บริการรับจ่ายเงินออนไลน์ (Paypal เป็น บริษัทที่ eBay ซื้อกิจการไป

 ส่วนการหาเงินทางอื่น ก็อย่างเช่น
          3. E-mail marketing

          4. eBay

          5. Amazon

          6. Google Adsense

          7. Blog

          8. Banner

          9. File Sharing


          10. Stock Photos

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 

Blogger news

Blogroll

About